สื่อประเภทคอมพิวเตอร์ออนไลน์

สื่อคอมพิวเตอร์ออนไลน์(Online) คือ ใช้สายนำสัญญาณและใช้ซอฟแวร์จัดการให้ข้อมูลในเครื่องหนึ่งไปแสดงผลบนเครื่องอื่นได้ สื่อมัลติมีเดียก็ได้พัฒนาขึ้น ตามลำดับ และถูกนำไปใช้ในประโยชน์ใน ระบบเครือข่ายเล็กๆ (LAN) นั่นคือเริ่มใช้เป็นสื่อแบบออนไลน์ (online) อาศัยสายสัญญาณที่เชื่อมโยงติดต่อกันนั้นนำข้อมูลมัลติมีเดียจาก เครื่องแม่ข่าย (server) กระจายไปแสดงผลที่ทุกเครื่องที่เป็น ลูกข่าย (clients) ใน เครือข่าย (network)
หลักการใช้สื่อออนไลน์(Online)
การใช้สื่อออนไลน์มีผลกระทบต่อทุกคน ทุกเพศ ทุกวัย ขึ้นอยู่กับว่าจะมีผลกระทบในด้านใดถ้าเราใช้ไปในทางที่ดีผลกระทบมันก็จะเกิดประโยชน์ เกิดผลดีกับตัวเรา แต่หากเราใช้ไปในทางที่ผิดผลกระทบที่ไม่ดีมันก็จะเกิดขึ้นกับตัวเราอีกเช่นกันซึ่งทุกคนคงไม่อยากให้เกิดขึ้นกับตัวเองเพราะฉะนั้นเราควรใช้สื่อออนไลน์ตามความจำเป็น และใช้ในทางที่ถูกต้องเพื่อประโยชน์ที่จะได้รับและตัวของคุณเอง
คุณสมบัติของสื่อออนไลน์
วัตกรรมทางการศึกษาที่เปลี่ยนแปลงวิธีเรียนที่เป็นอยู่เดิม เป็นการเรียนที่ใช้เทคโนโลยีที่ก้าวหน้า เช่น อินทราเน็ต (Intranet) เอ็กซ์ทราเน็ต (Extranet) อินเตอร์เน็ต (Internet) ดาวเทียม แผ่นซีดี (CD) วีดิโอเทป (VDO Tape) ฯลฯ ดังนั้นจึงหมายรวมถึงการเรียนทางไกล (Distance Learning) การเรียนผ่านเว็บ ห้องเรียนเสมือนจริง (Virtual classroom) ซึ่งมีจุดเชื่อมโยงคือ เทคโนโลยีการสื่อสารเป็นสื่อกลางของการเรียนรู้
ลักษณะการทำงาน
- แบบไม่ประสานเวลา
- แบบประสานเวลา โต้ตอบต่างกันในเวลาเดียวกัน
ประเภทของสื่อออนไลน์
1. CAI ทำงานภายใต้ standalone หรืออาจทำงานภายใต้ Local Area Network เพราะ CAI ไม่ได้ออกแบบเพื่อสื่อสารถึงกัน
2. WBI เว็บช่วยสอน เป็นระบบการพัฒนาสื่อการเรียนการสอนที่ประยุกต์ใช้คุณสมบัติและทรัพยากรของสื่อหลายมิติ
3. Web Quest ( การแสวงหาความรู้บนเว็บ ) เป็นการสร้างสภาพแวดล้อมใหม่ในการเรียนรู้ออนไลน์
4. M-Learning เป็นการจัดการเรียนการสอน โดยผู้เรียนเข้าถึงได้โดยสื่อการสอนผ่านเทคโนโลยี
5. D – Learning เป็นการเข้าถึงข้อมูลผ่านทางดาวเทียมหรือ GPS
6. Blended-Leaning เป็นการจัดการเรียนการสอนแบบผสมผสาน
7. E-Learning เป็นการผสมผสานกับการเรียนในขั้นปกติโดยมีสัดส่วนในการเรียน โดยผสมผสานหลากหลายวิธีเกิดการเรียนรู้และเกิดทักษะในด้านปฏิบัติ
8. U-Learning เป็นกระบวนการบูรณาการของ Sever เข้ากับ Physical world อย่างไร้ขอบเขตและผู้เรียนสามารถแสวงหาความรู้ด้วยวิธีการที่หลากหลาย
ผลที่เกิดกับผู้เรียน
• ผู้เรียนสามารถเรียนรู้ได้ด้วยตนเอง จากทุกที่ทุกเวลาโดยอิสระ
• ผู้เรียนมีอิสระในการเรียน การบรรลุจุดประสงค์การเรียนรู้แต่ละเนื้อหา ไม่จําเป็นต้องเหมือนกัน หรือพร้อมกับผู้เรียนรายอื่น
• มีระบบปฏิสัมพันธ์กับผู้เรียน และสามารถเรียนรู้ร่วมกันได้
1. CAI ทำงานภายใต้ standalone หรืออาจทำงานภายใต้ Local Area Network เพราะ CAI ไม่ได้ออกแบบเพื่อสื่อสารถึงกัน
2. WBI เว็บช่วยสอน เป็นระบบการพัฒนาสื่อการเรียนการสอนที่ประยุกต์ใช้คุณสมบัติและทรัพยากรของสื่อหลายมิติ
3. Web Quest ( การแสวงหาความรู้บนเว็บ ) เป็นการสร้างสภาพแวดล้อมใหม่ในการเรียนรู้ออนไลน์
4. M-Learning เป็นการจัดการเรียนการสอน โดยผู้เรียนเข้าถึงได้โดยสื่อการสอนผ่านเทคโนโลยี
5. D – Learning เป็นการเข้าถึงข้อมูลผ่านทางดาวเทียมหรือ GPS
6. Blended-Leaning เป็นการจัดการเรียนการสอนแบบผสมผสาน
7. E-Learning เป็นการผสมผสานกับการเรียนในขั้นปกติโดยมีสัดส่วนในการเรียน โดยผสมผสานหลากหลายวิธีเกิดการเรียนรู้และเกิดทักษะในด้านปฏิบัติ
8. U-Learning เป็นกระบวนการบูรณาการของ Sever เข้ากับ Physical world อย่างไร้ขอบเขตและผู้เรียนสามารถแสวงหาความรู้ด้วยวิธีการที่หลากหลาย
ผลที่เกิดกับผู้เรียน
• ผู้เรียนสามารถเรียนรู้ได้ด้วยตนเอง จากทุกที่ทุกเวลาโดยอิสระ
• ผู้เรียนมีอิสระในการเรียน การบรรลุจุดประสงค์การเรียนรู้แต่ละเนื้อหา ไม่จําเป็นต้องเหมือนกัน หรือพร้อมกับผู้เรียนรายอื่น
• มีระบบปฏิสัมพันธ์กับผู้เรียน และสามารถเรียนรู้ร่วมกันได้
ผลที่เกิดกับผู้สอน
• ผู้สอนมีสภาพเป็นผู้ช่วยเหลือผู้เรียนในการค้นหา การประเมิน การใช้ประโยชน์จากเนื้อหา จากสื่อรูปแบบต่างๆ ที่มีให้บริการ
• มีระบบบริหารจัดการการเรียนรู้
• มีระบบบริหารจัดการเนื้อหา/หลักสูตร
ข้อดีของสื่อประเภทคอมพิวเตอร์ออนไลน์
- เป็นสื่อที่สามารถเข้าถึงกลุ่มเป้าหมายที่ต้องการได้โดยตรง
- สามารถให้ข้อมูลข่าวสารและรายละเอียดได้ตามที่ต้องการ
- สามารถวัดผลตอบกลับการสื่อสาร ได้ในทันทีด้วยตัวเอง
- สามาระเรียนได้ทุกหนทุกแห่ง ทุกที่ทุกเวลา
- ขยายโอกาสทางการศึกษา
- กระตุ้นให้ผู้เรียนรู้จักการสื่อสารในสังคม
- ข้อมูลและหลักสูตรเนื้อหารายวิชาสามารถหาได้โดยง่าย
- เป็นมัลติมีเดียที่ใกล้เคียงสามารถใชในชีวิตจริงได้
ข้อจำกัดของสื่อประเภทคอมพิวเตอร์ออนไลน์
-การออกแบบการเรียนคอมพิวเตอร์ช่วยสอนนั้นยังมีน้อย
- เป็นการเพิ่มภาระแก่ผู้สอน
- การใช้คอมพิวเตอร์ช่วยสอน จึงไม่สามารถช่วยในการพัฒนาความคิดสร้างสรรค์ของผู้เรียนได้
- ผู้เรียนบางคนโดยเฉพาะอาจไม่ชอบโปรแกรมที่เรียนตามขั้นตอน ทำให้เป็นอุปสรรค์
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น