วันพฤหัสบดีที่ 22 ธันวาคม พ.ศ. 2554

บันทึกกิจกรรมการเรียนการสอนสัปดาห์ที่ 6 (ห้องเรียนปกติ)

ประเด็นการเรียนรู้ประจำสัปดาห์

- ภารกิจ Final Project "โครงการจัดตั้งศูนย์ทรัพยากรการเรียนรู้สำหรับการศึกษานอกระบบและตามอัธยาศัย"
- การบริหารบุคลากร
- บุคลากรด้านสื่อ
-คุณสมบัติและหน้าที่ความรับผิดชอบของบุคลากรฝ่ายต่าง ๆ
- การคัดเลือกบุคลากร




ชื่อ นางสาว วาสนา อินต๊ะศรี รหัส 52041115 วิ
ชา 423312 Learning Resources Center Managemen
กลุ่ม 2 วันพฤหัสบดี 09-12.00น.

แบบฝึกหัดหน่วยการเรียนรู้ที่ 5 รายวิชา 423312 การจัดการศูนย์ทรัพยากรการเรียนรู้
คำสั่ง : ให้นิสิตเขียนอธิบายคำตอบลงในกระดาษ (ส่งท้ายชั่วโมง)
และนำเสนอบน Blogger
ตามเงื่อนไขต่อไปนี้ (5 คะแนน) งานเดี่ยว

*************************************************************************************


1. อธิบายภารกิจหรือกิจกรรมที่สาคัญ ๆ ของศูนย์ทรัพยากรการเรียนรู้มีอะไรบ้าง
ตอบ
1.การเลือก จัดหา การลงทะเบียน ทำบัตรรายการ การบริการใช้ ตลอดจนเก็บบำรุงรักษาวัสดุอุปกรณ์ การ เรียนการ สอนต่างๆ
2.การผลิตสื่อการสอน เช่น ผลิตวัสดุกราฟฟิค การบันทึกเสียง ทำรายการวิทยุและโทรทัศน์
3.จัดกิจกรรมทางวิชาการ เช่น การฝึกอบรมครูประจำการ การวิจัย การจัดนิทรรศการ ตลอดจนการเผยแพร่
ประชาสัมพันธ์
4.การบริหาร เช่น การจัดบุคลากร การนิเทศ การบันทึกรายการ การติดต่อประสานงานและการทำงบประมาณ เป็นต้น
5.การประเมินกิจกรรมต่างๆ



2. ถ้าหากพิจารณาบทบาทหน้าที่ และความรับผิดชอบในศูนย์ทรัพยากรการเรียนรู้ จะประกอบด้วยบุคคลด้านใดบ้าง
ตอบ
1. ด้านบริหาร
โดยต้องมีการกำหนดวิสัยทัศน์ จุดมุ่งหมายและภารกิจต่างๆให้ครอบคลุมงานหรือสิ่งที่ต้องทำ การจัดดำเนินงาน การจัดบุคลากร การนิเทศ การติดต่อประสานงาน การทำงบประมาณ การกำหนดมาตรฐานของงาน เพื่อให้หน่วยงานบรรลุเป้าหมายที่วางไว้ โดยต้องมีฝ่ายรับผิดชอบดังนี้
1.1 หัวหน้าหน่วยงาน
1.2 หัวหน้างานหรือหัวหน้าฝ่าย
1.3 เจ้าหน้าที่บริหารทั่วไป
1.4 พนักงานธุรการ
1.5 เจ้าหน้าที่บันทึกข้อมูล
2. ด้านการบริการ เป็นภารกิจของศูนย์ทรัพยากรการเรียนรู้ที่นำโครงการต่างๆออกสู่กลุ่มเป้าหมาย เช่น บริการด้านการจัดการสื่อ บริการด้านการใช้สื่อ ด้านการบำรุงรักษา ด้านการให้คำปรึกษา ห้องปฎิบัติการทางภาษา ห้องปฎิบัติการเรียนรู้ด้วยตนเอง เป็นต้น ซึ่งแนวทางในการกำหนดภารกิจด้านการบริการควรสะท้อนปรัชญาที่ยึดความต้องการของกลุ่มเป้ายหมายหลัก
นอกจากนั้นแล้วด้านการบริการยังมีหน้าที่ความรับผิดชอบ ในการสำรวจและจัดหา จัดเก็บแยกหมวดหมู่ และจัดทำทะเบียนบัญชีสื่อ รวมทั้งมีหน้าที่รับผิดชอบในการซ่อมบำรุงสื่อด้วย โดยมีฝ่ายที่รับผิดชอบ เช่น
2.1 บรรณารักษ์
2.2 นักวิชาการคอมพิวเตอร์
2.3 นายช่างอิเล็กทรอนิกส์
3. ด้านการผลิตสื่อ บุคลากรที่มีหน้าที่รับผิดชอบ เช่น
3.1 นักวิชาการโสตทัศนศึกษา
3.2 นักวิชาการช่างศิลป์
3.3 นายช่างภาพ
4. ด้านวิชาการ ศูนย์ทรัพยากรการเรียนรู้ต้องมีบทบาทและหน้าที่ในการศึกษาค้นคว้าพัฒนาและเผยแพร่ผลงาน สร้างนวัตกรรมใหม่เกี่ยวกับการผลิตและการใช้สื่อ จัดการฝึกอบรม การเผยแพร่ความรู้ การประเมินคุณภาพสื่อ เป็นต้น นอกจากนั้นแล้วฝ่ายวิชาการยังต้องวิจัยและพัฒนาสื่อการศึกษาทั่วไปและวิจัยสื่อ รวมถึงการพัฒนาสื่อให้เหมาะสมกับการเรียนการสอน ฉะนั้นบุคลากรฝ่ายนี้จึงจำเป็นต้องเป็นผู้มีความเชี่ยวชาญทั้งด้านการศึกษา ด้านการวิจัยและมีความรู้เทคโนโลยีการศึกษา ซึ่งผู้รับผิดชอบได้แก่
4.1 นักวิชาการศึกษา
4.2 นักวิจัย
5. ด้านการปรับปรุงการเรียนการสอน ศูนย์ทรัพยากรการเรียนรู้ต้องมีภารกิจหน้าที่ความรับผิดชอบต่อการศึกษาเป็นสำคัญในการจัดหาสื่อมาใช้ในการเรียนการสอนให้เหมาะสมกับสภาพแวดล้อมและเนื้อหาแต่ละวิชา ตามความจำเป็น ให้เพียงพอและยังมีบทบาทในการให้ความช่วยเหลือแก่ครูอาจารย์ในด้านต่างๆเกี่ยวกับเทคโนโลยีทางการศึกษา
6. ด้านกิจกรรมอื่น เช่น มีบทบาทหน้าที่ประชาสัมพันธ์สถาบันต่อชุมชน จัดนิทรรศการหรือจัดแสดงความก้าวหน้าต่างๆ ศูนย์ทรัพยากรการเรียนรู้ควรมีกิจกรรมเพื่อให้ความรู้แก่สังคมและจัดแสดงสาธิตนวัตกรรมและเทคโนโลยีให้กับผู้สนใจ การจัดกิจกรรมลักษณะนี้ถือว่าเป็นการประชาสัมพันธ์อย่างหนึ่ง

3. ผู้ปฏิบัติงานในศูนย์ทรัพยากรการเรียนรู้ จำแนกเป็นประเภทที่สาคัญได้กี่ประเภท
ตอบ
ผู้ปฏิบัติงานในศูนย์ทรัพยากรการเรียนรู้สามารถแบ่งได้เป็น 3 ประเภทใหญ่ๆ คือ
1. บุคลากรวิชาชีพ (Professional Staff) ได้แก่ บุคลากรที่มีความรู้ความสามารถและประสบการณ์ทางด้านเทคโนโลยีทางการศึกษาหรือโสตทัศนศึกษาระกับปริญญาซึ่งถือว่าเป็นผู้เชี่ยวชาญด้านสื่อ (Media Specialists) หรือบางทีอาจเรียกว่า นักวิชาการโสตทัศนศึกษา ก็ได้ ส่วนใหญ่บุคลากรกลุ่มนี้จะทำหน้าที่เป็นหัวหน้าหรือผู้บริหาร อำนวยการประสานเกี่ยวกับสื่อ และอำนวยการให้การดำเนินกิจกรรมต่างๆเป็นไปด้วยความเรียบร้อย บุคลากรทางวิชาชีพสามารถแบ่งออกเป็นประเภทต่างๆ เช่น
1.1 บุคลากรผู้เชียวชาญด้านวัสดุตีพิมพ์และไม่ตีพิมพ์ (Printed and Non-Printed Specialization)
เป็นผู้เชี่ยวชาญเกี่ยวกับสื่อการสอนง่ายๆที่เป็นวัสดุตีพิมพ์หรือไม่ตีพิมพ์
1.2 บุคลากรที่เชี่ยวชาญด้านสิ่งพิมพ์และโสตทัศนูปกรณ์ (Printed (Printed and Audiovisual Aids)
1.3 บุคลากรที่เชี่ยวชาญด้านเฉพาะหน้าที่ (Functional Specialization) เช่น
- ด้านการออกแบบ
- ด้านการพัฒนาหลักสูตร
- ด้านการวิจัย
- ด้านการเลือกจัดการและประเมินสื่อ ฯลฯ
1.4 บุคลากรที่เชี่ยวชาญด้านเนื้อหา (Subject Specialization) บุคลากรด้านนี้จะมีความเชี่ยวชาญเกี่ยวกับสื่อในสาขาวิชาต่างๆ
1.5 บุคลากรที่เชี่ยวชาญเรื่องสื่อเฉพาะระดับชั้น(Level Specialization) บุคลากรด้านนี้จะมีความเชี่ยวชาญการใช้สื่อในระดับการศึกษาต่างๆ
1.6 บุคลากรที่เชี่ยวชาญเรื่องสื่อเฉพาะหน่วยงาน (Unit-Type Specialization)
2. บุคลากรกึ่งวิชาชีพ (Paraprofessional Staff) บุคลากรกึ่งวิชาชีพ คือ บุคคลที่ได้วุฒิประกาศนียบัตรวิชาชีพโดยมีหน้าที่ช่วยเหลือบุคลากรทางวิชาชีพเกี่ยวกับด้านเทคนิคหรือด้านบริการ บุคลากรกึ่งวิชาชีพ เช่น
2.1 พนักงานเทคนิค (Media Techician) บางทีเรียกว่า เจ้าหน้าที่โสตทัศนศึกษา เจ้าหน้าที่ ซึ่งจะมีหน้าที่เกี่ยวกับการดูแลบารุงรักษาและให้บริการ
2.2 พนักงานด้านกราฟิกหรือช่างศิลป์ โดยจะปฏิบัติหน้าที่งานด้านกราฟิกเกี่ยวกับสื่อการเรียนการสอน
2.3 พนักงานด้านภาพนิ่ง หรือช่างภาพ จะปฏิบัติหน้าที่เกี่ยวกับการถ่ายภาพเพื่อผลิตสื่อประเภทต่างๆตลาดจนงานทั่วไป
2.4 พนักงานช่างเทคนิค จะปฏิบัติหน้าที่เป็นช่างเทคนิค ซ่อมแซม ดูแลเครื่องมือ/อุปกรณ์ไฟฟ้าและอิเล็กทรอนิกส์ เป็นต้น
2.5 พนักงานด้านวิทยุโทรทัศน์และวิทยุกระจายเสียง เป็นต้น
3. บุคลากรที่ไม่มีความรู้ทางวิชาชีพ (Non-professional Staff) บุคลากรประเภทนี้ทาหน้าที่ทางด้านธุรกิจ เจ้าหน้าที่ประชาสัมพันธ์ ฯลฯ ซึ่งจะมีคุณวุฒิหลากหลายจะใช้ความรู้ความชานาญเฉพาะในหน้าที่ของตน ดังนั้นจะเห็นได้ว่าจานวนบุคคลในแต่ละประเภทจะมีมากหรือน้อยย่อมขึ้นอยู่กับนโยบาย ขนาดหรือปริมาณของงาน ขอบเขตของการให้บริการ ลักษณะของระบบงานบริการ จานวนผู้ใช้บริการ และงบประมาณของศูนย์ทรัพยากรการเรียนรู้แต่ละแห่งเป็นสาคัญ

4. ท่านมีขั้นตอนในการจัดหาสื่อการเรียนการสอน มาใช้บริการในศูนย์ทรัพยากรการเรียนรู้อย่างไร จงอธิบาย
ตอบ
การจัดการหาสื่อเพื่อบริการ ในการจัดหาสื่อมาไว้บริการภายในศูนย์ทรัพยากรการเรียนรู้ เพื่อให้เกิดความสะดวกรวดเร็ว มีระบบ ระเบียบ สามารถแบ่งออกเป็นขันตอน ดังนี้
• ขั้นตอนที่ 1 เป็นขั้นการสารวจสภาพของสื่อในสถานศึกษาเพื่อสารวจหาข้อเท็จจริงเบื้องต้นเป็นข้อมูลมาประกอบการจัดหา ได้แก่
1. การสารวจสื่อวัสดุ (Materials) การสารวจสื่อวัสดุมีรายการที่ต้องการทราบ คือ
- ชนิดของวัสดุ
- ชื่อเรื่อง
- แหล่งที่เก็บ (Location)
- แหล่งที่ได้มา
- สภาพการใช้งานปัจจุบัน
2. การสารวจเครื่องมือ (Equipments)
- ชนิดของเครื่องมือ
- แบบ/รุ่น
- แหล่งที่เก็บ
- แหล่งที่ได้มา
- จำนวน
- สภาพการใช้งานปัจจุบัน

• ขั้นตอนที่ 2 การสำรวจสถานที่ เป็นขั้นตอนการสารวจวางแผนจะให้สถานที่ส่วนใดบ้างในการทากิจกรรม เพื่อเป็นการตรวจสอบดูว่ามีสถานที่และสิ่งอานวยความสะดวกที่ต้องการมีเพียงพอแล้วหรือยังและจะต้องการจัดหาอะไรเพิ่มเติมบ้าง

• ขั้นตอนที่ 3 การสำรวจความต้องการของผู้ใช้ เพื่อต้องการทราบถึงความต้องการใช้สื่อประเภทต่างๆ โดยนาข้อมูลที่ได้ไปดาเนินการจัดหาให้ตรงกับความต้องการของผู้ใช้ ดังนั้นก่อนการจัดหาหรือจัดซื้อสื่อมาไว้บริการ จาเป็นอย่างยิ่งที่จะต้องสารวจและศึกษาความต้องการของผู้ใช้ก่อนเสมอ
การสำรวจความต้องการใช้สื่อในการเรียนการสอนสามารถทาได้หลายลักษณะ ได้แก่
1. การสัมภาษณ์ ซักถามเป็นรายบุคคลหรือกลุ่มย่อย
2. การสังเกต เป็นวิธีหนึ่งที่ผู้ต้องการข้อมูลสามารถนามาใช้เพื่อเก็บข้อมูลโดยดูจากพฤติกรรมการใช้สื่อที่มีมาแต่เดิม
3. การใช้แบบสอบถาม เป็นการสารวจที่ได้รายละเอียดมากกว่าแบบอื่นๆ

• ขั้นตอนที่ 4 เป็นขั้นการจัดหา โดยนาข้อมูลที่ได้มาจากความต้องการแล้วทาเป็นโครงการสั้นๆ หรือโครงการระยะยาวเพื่อวางแผนในเรื่องงบประมาณในการจัดหาต่อไป ในการจัดซื้อผู้เกี่ยวข้องต้องพิจารณาตามลาดับความสาคัญของผู้ใช้โดยจัดซื้อเฉพาะสื่อที่มีคุณภาพ ประหยัดงบประมาณ ก่อนจัดซื้อสื่ออะไรมาไว้บริการจะต้องมีการประเมินค่าสื่อนั้น โดยคณะกรรมการประเมินค่าสื่อเพื่อพิจารณาว่าสื่อหรือวัสดุอุปกรณ์มีคุณค่าต่อการเรียนการสอนมากน้อยเพียงไร มีข้อดีและข้อจากัดอย่างไรเพื่อให้การจัดซื้อจัดหาสื่อมาไว้บริการได้อย่างมีประสิทธิภาพก่อเกิดประโยชน์อย่างเต็มที่

5. อธิบายวิธีการจัดซื้อจัดหาวัสดุครุภัณฑ์เพื่อมาใช้ในกิจกรรมและบริการ ท่านมีหลักเกณฑ์สาคัญ อะไรบ้าง
ตอบ
1. ความคงทน(Ruggedness) โดยพิจารณาถึงวัสดุที่ประกอบเป็นตัวเครื่องให้ความคงทนแข็งแรง ไม่แตกหักง่าย
2. ความสะดวกในการใช้งาน (Ease of Operation) โดยพิจารณาถึงการควบคุม การบังคับกลไกไม่ซับซ้อนจนเกินไปหรือมีปุ่มต่างๆมากมายเกินไป
3. ความกะทัดรัด (Portability) โดยพิจารณาถึงขนาดของตัวเครื่อง น้าหนัก ความสะดวกในการเก็บและเคลื่อนย้าย
4. คุณภาพของเครื่อง(Quality of Peration) เป็นการพิจารณาเกี่ยวกับมาตรฐานที่ประกอบรวมกันเป็นไปตามคุณสมบัติต้องการใช้งานเพียงใด
5. การออกแบบ (Design) เป็นการพิจารณาเกี่ยวกับรูปลักษณ์ว่าสวยงามมีความทันสมัย การติดตั้งอุปกรณ์ประกอบออกแบบให้ใช้ได้ง่าย
6. ความปลอดภัย (Safety) เป็นการพิจารณาว่ามีส่วนใดส่วนหนึ่งที่น่าจะเกิดอุบัติเหตุหรืออันตรายได้ง่ายขณะใช้งาน
7. ความสะดวกในการบารุงรักษาละซ่อมแซม (Ease of Maitenance and Repair) เป็นการพิจารณาว่ามีส่วนประกอบใดที่ยุ่งยากต่อการซ่อมแซมหรือมีความยากลาบากในการดูแลรักษาหรือมีส่วนประกอบที่เป็นเทคโนโลยีขั้นสูงเมื่อชารุดแล้วไม่สามารถซ่อมแซมได้เลย
8. ราคา (Cost) ในการจัดซื้อจัดหาวัสดุอุปกรณ์มาใช้หรือเพื่อบริการควรคานึงถึงราคาซึ่งไม่แพงเกินไปที่สาคัญพิจารณาถึงความสอดคล้องกับวัตถุประสงค์ของการใช้งานแล้วจึงนาไปเปรียบเทียบกับยี่ห้ออื่น เพื่อให้เกิดประโยชน์สูงสุดเหมาะสมกับราคาและคุณภาพของเครื่องมืออุปกรณ์นั้น
9. ชื่อเสียงของบริษัทผู้ผลิต(Reputation of Manufacturer) การพิจารณาบริษัทผู้ผลิตเพื่อจะได้ทราบว่าวัสดุอุปกรณ์ที่ซื้อนั้นมีจานวนและรุ่นที่ผลิตออกมามากน้อยพียงใด หากเป็นบริษัทที่มั่นคงมีชื่อเสียงจะเห็นได้ว่ามีระบบการผลิต ระบบการจัดการอื่นๆ ที่ได้มาตรฐาน ทาให้วัสดุอุปกรณ์มีคุณภาพและน่าเชื่อถือ
10. การบริการซ่อมแซม (Available Service) อุปกรณ์เครื่องมือต่างๆ ควรเป็นแบบที่สามารถซ่อมแซมได้ง่าย รวดเร็วและมีบริการดูแลบารุงรักษาที่เอาใจใส่ดูแลบารุงสม่าเสมอและมีอะไหล่สารองไว้เพียงพอหรือเมื่อมีปัญหาทางบริษัทสามารถแก้ปัญหาให้รวดเร็ว

6. การบริหารบุคคล หมายถึงอะไร
ตอบ
ศิลปะในการสรรหาและคัดเลือกบุคคลเข้ามาทางานในองค์การ มอบหมายงาน พัฒนาบุคคลและให้พ้นจากงาน โดยคานึงถึงประสิทธิภาพของเป้าหมายหรือบริการของศูนย์ฯ หรือหน่วยงานเป็นสำคัญ

7. หลักการบริหารงานบุคคลมีกี่ระบบอะไรบ้าง
ตอบ
หลักในการบริหารงานบุคคล แบ่งเป็น 2 ระบบคือ
1. ระบบคุณธรรม Merit System ใช้หลักเกณฑ์
1.1 หลักความเสมอภาค เช่น มีสิทธิสอบได้ทุก
1.2 หลักความสามารถ เช่น คัดเลือกผู้มีความสามารถสูงไว้ก่อน
1.3 หลักความมั่นคง เช่น ถ้าไม่ผิดวินัย ก็ไม่ถูกลงโทษให้ออก อยู่จนเกษียณ
1.4 หลักความเป็นกลางทางการเมือง เช้า ห้ามข้าราชการเป็นกรรมการบริษัท
2. ระบบอุปถัมภ์ Patronage System ยึดถือพวกพ้อง เครือญาติ หรือผู้มีอุปการะคุณ

8. การจำแนกตำแหน่งได้กี่ประเภท
ตอบ
การจำแนกตำแหน่งงานแบ่งได้เป็น 3 ประเภท ดังนี้
1.จำแนกตำแหน่งตามลักษณะตำแหน่ง Position Classification เป็นการจำแนกตำแหน่งโดยถือลักษณะความรับผิดชอบของตำแหน่งเป็นสาคัญ เช่น กลุ่มเจ้าหน้าที่ธุรการ การเงิน นิติกร วิศวกร เป็นต้น
2.การจำแนกตำแหน่งตามลักษณะยศ Rank Classification เป็นการจำแนกตำแหน่งตามตำแหน่งที่ประกอบ กับชั้นยศ ใช้กับทหาร ตำรวจ
3. การจำแนกตำแหน่งตามลักษณะชั้นยศทางวิชาการ Academic Rank Classification จำแนกตามคุณลักษณะความเชี่ยวชาญ วิชาการ เช่น ครู อาจารย์

9. ขั้นตอนของกระบวนการวางแผนกำลังคนได้แก่อะไรบ้าง
ตอบ
1. ศึกษานโยบายและแผนงานขององค์การ
2. การตวรสภาพคน
3. การพยากรณ์กำลังคน
4. การเตรียมคนสำหรับอนาคต

10. การวางแผนกำลังคนที่ดีต้องทราบอะไรบ้าง
ตอบ
1. ภาระงาน Workload หน้าที่ความรับผิดชอบชั่วโมงงาน
2. การออกแบบงาน Job Design เป็นการออกแบบโครงสร้างงานต่างๆ ทั้งองค์การว่ามีกลุ่มงานอะไรบ้าง
3. การวิเคราะห์งาน Job Analysis วิเคราะห์งานแต่ละตำแหน่ง กำหนดคุณลักษณะที่จำเป็นแต่ละตำแหน่ง เช่น ความสำคัญของงาน ระดับความเป็นอิสระ ตัวบ่งชี้ผลลัพธ์ของงาน ความรู้ความสามารถและทักษะที่จำเป็น เพื่อกำหนดรายละเอียดของตำแหน่ง Job Description และคุณสมบัติเฉพาะตำแหน่ง Job Specification
4. รายละเอียดของตาแหน่งงาน Job Description เป็นการกำหนดชื่อตำแหน่งงานที่ต้องปฏิบัติ
5. คุณสมบัติเฉพาะตาแหน่ง Job Specification เป็นการกำหนดรายละเอียดในตำแหน่งลึกลงไปอีก
6. การทำให้งานมีความหมาย Job Enrichment เป็นวิธีการจูงใจและพัฒนาบุคลากรให้เกิดความพึงพอใจในการทำงาน (จิ๋วแต่แจ๋ว, เล็กดีรสโต) (Job Enlargement) เล็ก ๆ มิต้าไม่ ใหญ่ ๆ มิต้าทำ

11. บุคลากรด้านทรัพยากรการเรียนรู้มีกี่ประเภท
ตอบ
บุคลการด้านทรัพยากรการเรียนรู้มี 3 ประเภท ได้แก่
1. ด้านบริหาร โดยต้องมีการกำหนดวิสัยทัศน์ จุดมุ่งหมายและภารกิจต่างๆ ให้ครอบคลุมงานหรือสิ่งที่ต้องทำ การจัดดำเนินงาน การจัดบุคลากร การนิเทศ การติดต่อประสานงาน การทำงบประมาณ การกำหนดมาตรฐานของงานเพื่อให้หน่วยงานบรรลุเป้าหมายที่วางไว้
2. ด้านการบริการ เป็นภารกิจของศูนย์สื่อการศึกษาที่นำโครงการต่างๆออกสู่ กลุ่มเป้าหมาย เช่น บริการด้านการจัดหาสื่อ บริการด้านการใช้สื่อ ด้านการบำรุงรักษา ด้านการให้คำปรึกษา ห้องปฏิบัติการทางภาษา ห้องปฏิบัติการเรียนรู้ด้วยตนเองเป็นต้น ซึ่งแนวทางในการกำหนดภารกิจด้านบริการควรสะท้อนปรัชญาที่ยึดความต้องการของกลุ่มเป้าหมายเป็นหลัก
3. บุคลากรด้านการผลิตสื่อ



วันพุธที่ 14 ธันวาคม พ.ศ. 2554

บันทึกกิจกรรมการเรียนสัปดาห์ที่ 5 (E-Learning)

ชื่อ นางสาว วาสนา อินต๊ะศรี รหัส 52041115
วิชา 423312 Learning Resources Center Managemen
กลุ่ม 2 วันพฤหัสบดี 09-12.00น.






แบบฝึกหัดท้ายหน่วยการเรียนรู้ที่ 3-4-5 รายวิชา 423312 Learning Resources Center Management
คำสั่ง ให้นิสิตเขียนอธิบายคำตอบตามเงื่อนไขต่อไปนี้ (10 คะแนน)
งานเดี่ยว : 1. ให้พิมพ์คำตอบลงใน MS.word และแนบไฟล์ส่ง และ Weblog
2. กำหนดส่งทาง e-Learning ภายในเวลาที่กำหนด โดยไฟล์ต้องมีขนาดไม่เกิน 8 MB
3. บันทึกลงใน Weblog ไม่เกินเวลา 23.55 น. ของวันที่ 16 ธันวาคม 2554






-------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------






1. ศูนย์ทรัพยากรการเรียนรู้ถ้าแบ่งตามกลุ่มเป้าหมายของระบบการศึกษาได้กี่ประเภท อะไรบ้าง จงอธิบาย

ตอบ ศูนย์ทรัพยากรการเรียนรู้ แบ่งตามกลุ่มเป้าหมายของระบบการศึกษาได้ 3 ประเภท ดังนี้
1.ศูนย์ทรัพยากรการเรียนรู้ สำหรับการศึกษาในระบบโรงเรียน คือ หน่วยงานที่สนับสนุนการเรียนการสอนทั้งสื่อ วัสดุ อุปกรณ์ ซึ่งมีการดำเนินการได้หลายลักษณะและมีชื่อเรียกต่างกัน ทั้งศูนย์วัสดุการเรียน, ศูนย์โสตทัศน์และห้องสมุด, ศูนย์วัสดุอุปกรณ์การศึกษา ศูนย์สื่อการสอน, ศูนย์โสตทัศนวัสดุ, ศูนย์วัสดุการสอนหรือศูนย์วัสดุการศึกษา ศูนย์โสตทัศนูปกรณ์ หรือหน่วยบริการโสตทัศนูปกรณ์, สำนักเทคโนโลยีการศึกษา, ศูนย์เทคโนโลยีและนวัตกรรมการศึกษา เป็นต้น

2.ศูนย์ทรัพยากรการเรียนรู้ สำหรับการศึกษานอกระบบ คือ ศูนย์ทรัพยากรการเรียนรู้ ที่มีเป้าหมายโดยมุ่งการให้บริการกับผู้เรียนที่มีจุดมุ่งหมายให้ผู้เรียนได้รับความรู้ด้านพื้นฐาน ทักษะในการประกอบอาชีพ และทักษะที่จำเป็นสำหรับความรู้ด้านอื่นๆ เป็นฐานในการดำรงชีวิต เช่น ศูนย์ฝึกอาชีพ, ศูนย์การเรียน เป็นต้น

3.ศูนย์ทรัพยากรการเรียนรู้ สำหรับการศึกษาตามอัธยาศัย คือ ศูนย์รวมและให้บริการความรู้โดยมุ่งให้กลุ่มเป้าหมายได้ศึกษาจากประสบการณ์การทำงาน บุคคล ครอบครัว สื่อมวลชน ชุมชน แหล่งความรู้ต่างๆ เพื่อเพิ่มพูนความรู้ ทักษะ ความบันเทิง และการพัฒนาคุณภาพชีวิต เช่น พิพิธภัณฑ์การเรียนรู้ เป็นต้น


2. ศูนย์ทรัพยากรการเรียนรู้แต่ละประเภทแตกต่างกันอย่างไร จงอธิบาย
ตอบ
•ศูนย์ทรัพยากรการเรียนรู้ สำหรับการศึกษาในระบบโรงเรียน นั้นเป็นหน่วยงานที่คอยสนับสนุนการเรียนการสอนทั้งทางสื่อ วัสดุ อุปกรณ์ ซึ่งสามารถดำเนินการได้หลายลักษณะและมีชื่อเรียกต่างกัน

•ศูนย์ทรัพยากรการเรียนรู้ สำหรับการศึกษานอกระบบ เป็นศูนย์ทรัพยากรการเรียนรู้ ที่มีเป้าหมายโดยมุ่งการให้บริการกับผู้เรียนที่มีจุดมุ่งหมายให้ผู้เรียนได้รับความรู้ด้านพื้นฐาน ทักษะในการประกอบอาชีพ และทักษะที่จำเป็นสำหรับความรู้ด้านอื่นๆ เป็นฐานในการดำรงชีวิต

•ศูนย์ทรัพยากรการเรียนรู้ สำหรับการศึกษาตามอัธยาศัย คือ ศูนย์รวมและให้บริการความรู้โดยมุ่งให้กลุ่มเป้าหมายได้ศึกษาจากประสบการณ์การทำงาน บุคคล ครอบครัว สื่อมวลชน ชุมชน แหล่งความรู้ต่างๆ เพื่อเพิ่มพูนความรู้ ทักษะ ความบันเทิง และการพัฒนาคุณภาพชีวิต

3. ให้นิสิตหาตัวอย่างศูนย์ทรัพยากรการเรียนรู้ประเภท ละ 3 ศูนย์ พร้อมบอกสถานที่ตั้ง และกลุ่มเป้าหมายของศูนย์นั้น ๆ พร้อมแหล่งอ้างอิง
ตอบ
1.ศูนย์ทรัพยากรการเรียนรู้ สำหรับการศึกษาในระบบโรงเรียน
•สำนักหอสมุด มหาวิทยาลัยบูรพา
สถานที่ตั้ง : สำนักหอสมุด มหาวิทยาลัยบูรพา ต.แสนสุขอ.เมือง จ. ชลบุรี 20131
กลุ่มเป้าหมาย : ประชาชนและนิสิตทั่วไป
แหล่งอ้างอิง : http://www.lib.buu.ac.th/
•สำนักหอสมุด มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์
สถานที่ตั้ง : สำนักหอสมุด มหาวิทยลัยเกษตรศาสตร์ เลขที่ 50 ถนนงามวงศ์วาน แขวงลาดยาว เขตจตุจักร กรุงเทพฯ 10900 โทรศัพท์ 0-2579-0113, 0-2942-8500-11 ติดต่อผู้ดูแลระบบ : www@ku.ac.th
กลุ่มเป้าหมาย :ประชาชนและนิสิตทั่วไป
แหล่งอ้างอิง : http://kulibrary.org/
•ศูนย์วิทยทรัพยากร จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย
สถานที่ตั้ง : ถนนพญาไท ปทุมวัน กรุงเทพ 10330
กลุ่มเป้าหมาย : บุคคลทั่วไปที่สนใจ
แหล่งอ้างอิง : http://www.car.chula.ac.th/aboutus/

2.ศูนย์ทรัพยากรการเรียนรู้ สำหรับการศึกษานอกระบบ
•ศูนย์การศึกษานอกระบบและการศึกษาตามอัธยาศัยเขตวัฒนา
สถานที่ตั้ง : 446/4-5 ซ.ปรีดีพนมยงค์ 20/1 ถ.สุขุมวิท71 แขวงพระโขนงเหนือ เขตวัฒนา กทม. 10110
โทร 02-3918120 mail : watthana@bkk1.nfe.go.th
กลุ่มเป้าหมาย :ประชากรวัยแรงงาน
แหล่งอ้างอิง : http://www.ksnwattana.nlern.com
•ศูนย์ฝึกอาชีพเฉลิมพระเกียรติสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดา ครบ 36พรรษา
สถานที่ตั้ง : เลขที่ 104 ม.3 ต.บางละมุง อ.บางละมุง จ.ชลบุรี 20150
โทรศัพท์ 0-3824-1072 โทรสาร. 0-3824-1766
อีเมล์ info@svtc.go.th
กลุ่มเป้าหมาย : เยาวชน - ประชาชน ที่มีอายุตั้งแต่ ๑๔ - ๓๕ ปีขึ้นไป ที่มีฐานะยากจนขาดแคลน และผู้ ว่างงานต้องการฝึกอาชีพ เพื่อเป็นรายได้เสริมให้แก่ครอบครัว
แหล่งอ้างอิง : http://www.svtc.go.th

•ศูนย์ฝึกอาชีพกรุงเทพมหานคร มหาวิทยาลัยรามคำแหง (หัวหมาก)
สถานที่ตั้ง : มหาวิทยาลัยรามคำแหง ฝ่ายพัฒนาชุมชนฯ สำนักงานเขตบางกะปิ โทร.02369-2823-4
กลุ่มเป้าหมาย : ผู้ว่างงานและประชาชนทั่วไป
แหล่งอ้างอิง : http://www.info.ru.ac.th/20021220-113729/index.htm

3.ศูนย์ทรัพยากรการเรียนรู้ สำหรับการศึกษาตามอัธยาศัย
•พิพิธภัณฑ์สัตว์น้ำบางแสน สถาบันวิทยาศาสตร์ทางทะเล มหาวิทยาลัยบูรพา
สถานที่ตั้ง : สถาบันวิทยาศาสตร์ทางทะเล มหาวิทยาลัยบูรพา
169 ถ.ลงหาดบางแสน ต.แสนสุข อ.เมือง จ.ชลบุรี 20131
โทรศัพท์ : 0-3839-1671-3แฟ็กซ์:0-3839-1674
กลุ่มเป้าหมาย : ประชาชนทั่วไป
แหล่งอ้างอิง : http://www.bims.buu.ac.th/j3/index.php/2011-01-14-08-38-52
•สถาบันพิพิธภัณฑ์การเรียนรู้แห่งชาติ
สถานที่ตั้ง : เลขที่ 4 ถนนสนามไชย แขวงพระบรมมหาราชวัง เขตพระนคร กรุงเทพฯ 10200
โทรศัพท์ 02 225 2777 โทรสาร 02 225 2775 อีเมล webmaster@ndmi.or.t
กลุ่มเป้าหมาย : กลุ่มเป้าหมายหลัก คือ คนไทย ประกอบด้วยเด็ก เยาวชน นักเรียน นักศึกษา ประชาชนทั่วไป กลุ่มเป้าหมายรอง คือ คนต่างประเทศ นักท่องเที่ยว
แหล่งอ้างอิง : http://www.ndmi.or.th/
•พิพิธภัณฑ์ล้านของเล่นเกริกยุ้นพันธ์
สถานที่ตั้ง : 45 หมู่ 2 ถ.อู่ทอง ต. ท่าวาสุกรี อ. เมืองพระนครศรีอยุธยา จ. พระนครศรีอยุธยา
กลุ่มเป้าหมาย : ประชาชนทั่วไป
แหล่งอ้างอิง : http://www.milliontoymuseum.com/thai_news.html



4. ให้นิสิตแต่ละคน หาตัวอย่างของศูนย์สำหรับการศึกษาตามอัธยาศัยมา คนละ 1 ศูนย์ โดยต้องอธิบายดังรายละเอียดต่อไปนี้

4.1นโยบาย ของศูนย์ วิสัยทัศน์ และกลุ่มเป้าหมายของศูนย์ (สถาบันพิพิธภัณฑ์แห่งชาติ)
เป็นแหล่งเรียนรู้ที่ให้ความรู้เรื่องความเป็นมาของ บ้านเมือง จนมาเป็นประเทศไทยในปัจจุบัน เพื่อก่อเกิดการเรียนรู้ สร้างสำนึกรักบ้านเมืองและท้องถิ่นของตน รวมทั้งเชื่อมโยงความสัมพันธ์ในลักษณะ"เครือญาติ" กับประเทศเพื่อนบ้านอันเป็นองค์ความรู้ที่นำไปสู่ความมั่นคงและสันติภาพใน ภูมิภาค
กลุ่มเป้าหมาย
กลุ่มเป้าหมายหลัก คือ คนไทย ประกอบด้วยเด็ก เยาวชน นักเรียน นักศึกษา ประชาชนทั่วไป กลุ่มเป้าหมายรอง คือ คนต่างประเทศ นักท่องเที่ยว
4.2แหล่งที่มาของศูนย์ ( สถาบันพิพิธภัณฑ์แห่งชาติ)
รัฐบาลมีภารกิจที่สำคัญ คือ การทำให้สังคมไทยเป็นสังคมแห่งการเรียนรู้ ทำให้คนไทยมี คุณภาพด้วยการที่สามารถแสวงหาความรู้ใหม่ๆ ด้วยตนเองได้ตลอดเวลา ดังนั้นสังคมจึงควรมีแหล่งที่จะแสวงหาความรู้ที่มีความหลากหลายในรูปแบบและ เนื้อหา ในประเทศที่พัฒนาแล้วส่วนมากจะมีแหล่งแสวงหาความรู้สำหรับคนในแต่ละช่วงวัย และมีความสนใจต่างๆ โดยมีทั้งห้องสมุด พิพิธภัณฑ์ ศูนย์วัฒนธรรม ศูนย์นันทนาการและกีฬา โรงละคร หอศิลป์ และสถานที่แสดงดนตรี รวมทั้งสนับสนุนให้ ชุมชนมีกิจกรรมเพื่อการเติบโตของความรู้ สติปัญญา และความงอกงามของจิตใจ สำหรับประเทศไทยซึ่งจำเป็นต้องขยายโอกาสทางการศึกษา ด้วยสถาบันใหม่ที่จะมารองรับการศึกษายุคปฏิรูปให้ทันกับโลกยุคการเรียนรู้ แบบไร้ขีดจำกัด (school without walls) เพราะคุณภาพชีวิตของคนรุ่นใหม่ให้คุณค่าต่อการศึกษาเรียนรู้ ที่ทำให้สามารถเข้าใจโลกที่มีการเปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็ว สามารถเข้าใจปัญหาที่เผชิญหน้าควบคู่ไปกับความเพลิดเพลิน ประเทศจึงต้องการ "พิพิธภัณฑ์" ในฐานะที่เป็นสถาบันใหม่ที่สะท้อนความมั่นคงของสังคม วัฒนธรรม ลักษณะเฉพาะตน และความภาคภูมิใจในสังคมของตน
4.3แผนการดำเนินงาน (ถ้ามี) (สถาบันพิพิธภัณฑ์แห่งชาติ)
•ลักษณะของพิพิธภัณฑ์การเรียนรู้แห่งชาติของประเทศไทย
เป็นพิพิธภัณฑ์ชั้นนำที่ทันสมัย มีแนวคิดในการนำเสนอที่ใช้แนวคิดเชิง Thematic approach คือ การนำเสนอแก่นเรื่องราวแทนการเน้นแต่วัตถุ ( object - based ) แบบสมัยก่อน เน้นการเรียนรู้ที่เข้าถึงผู้ชม ทุกกลุ่มเป้าหมาย ทั้งชาวไทยและชาวต่างประเทศ โดยไม่จำกัดเพศ-วัย คุณวุฒิและฐานะทางสังคม มีการใช้แนวคิดแบบ Interactive approach เพื่อสร้าง ปฏิสัมพันธ์ระหว่างผู้ชมและสิ่งแสดง พิจารณาเลือกใช้สื่อหลายประเภท ( multi-medium for the exhibition ) เพื่อเสริมสร้างความรู้และบรรยากาศในการเรียนรู้ของกลุ่มเป้าหมาย มีทั้งการจัดแสดงแบบถาวร และแบบหมุนเวียน มีกิจกรรม และกระบวนการเรียนรู้ที่ต่อเนื่องเพื่อสร้างความมีชีวิตให้แก่พิพิธภัณฑ์ พื้นที่ทางกายภาพเป็น Complex Museum ซึ่งประกอบด้วยกลุ่มอาคารที่ตอบสนองต่อการใช้งาน และการจัดแสดงที่หลากหลาย มีการศึกษาวิจัยต่อเนื่อง เพิ่มพูนองค์ความรู้แก่คลังความรู้ของประเทศชาติ เชื่อมโยงแขนงความรู้สากล กับ ภูมิปัญญาไทย มีระบบการบริหารจัดการที่มีประสิทธิภาพ คล่องตัว และทันสมัย เปิดโอกาสแก่การมีส่วนร่วมของประชาชน นักวิชาการ ชุมชนและสังคม อย่างกว้างขวาง มีส่วนอำนวยความสะดวกครบถ้วน

•แนวการนำเสนอเนื้อหา
เน้นการนำเสนอเนื้อหาเชิงบูรณาการ เพื่อให้ครอบคลุมองค์ความรู้ ทั้งด้านภูมิศาสตร์ ประวัติศาสตร์ มานุษยวิทยา โบราณคดี ชาติพันธุ์วิทยา สิ่งแวดล้อม วิทยาศาสตร์และ เทคโนโลยี และศิลปกรรมศาสตร์ ฯลฯ ใช้งานวิจัยเป็นพื้นฐานในการสร้างเนื้อหา ในการรวบรวมเนื้อหาใช้การศึกษา วิเคราะห์ จัดลำดับความคิด เพื่อสร้าง"แก่นเรื่องรวม" ( theme ) ให้ครอบคลุมเนื้อหาที่ต้องการนำเสนอ โดยใช้ทักษะของการเล่าเรื่อง(story telling) เริ่มตั้งแต่การปูพื้น เกริ่นนำ การเดินเรื่อง การสร้างจุดเน้น การสรุปและการนำความคิดไปสร้างจินตภาพให้เห็นรูปลักษณ์ของนิทรรศการโดยรวม แบ่งเนื้อหาออกเป็นประเด็นต่างๆ แต่ละประเด็นคำนึงถึง Context เพื่อสร้างความตระหนักรู้ จุดประกายให้เกิดความใฝ่รู้ ง่ายต่อการเรียนรู้ และความเข้าใจ ง่ายต่อการจดจำ และนำไปคิดวิเคราะห์ด้วยตนเอง

•เนื้อหาการจัดแสดงในพิพิธภัณฑ์การเรียนรู้แห่งชาติ
เป็น complex museum ที่นำเสนอเนื้อหาเชิงบูรณาการ ประกอบด้วย 4 พิพิธภัณฑ์ โดยมีแก่นเรื่องรวมกลางของเนื้อหาทั้งหมดวางอยู่บน Theme " ความเป็นมาของผู้คนและดินแดนในประเทศไทย" แสดงภูมิศาสตร์และนิเวศวิทยาของประเทศไทยในภูมิภาคที่เกื้อกูลให้เกิดผลดีนานัปการ ทั้งด้านการเกษตร การค้าอันอุดมสมบูรณ์มาแต่โบราณ แสดงความหลากหลายของทั้งสภาพแวดล้อมทางชีวภาพและ ความหลากหลายของชาติพันธุ์ในภูมิภาคที่ก่อให้เกิดวัฒนธรรมระบบความเชื่อ และวิถีปฏิบัติที่หลากหลาย และการเชื่อมโยงประสมประสานในภูมิภาค แสดงถึงศักยภาพและความสามารถของผู้คน ที่อยู่ในประเทศไทย ที่พัฒนาเป็นคุณลักษณะ " คนไทย" ขึ้นจากการปรับตัวในพื้นที่กึ่งกลาง ได้อย่างสมดุลและชาญฉลาด ก่อเกิดความมั่นคงและสันติสุข รวมทั้งการพัฒนาภูมิปัญญา สร้างสรรค์เทคโนโลยีที่เหมาะสมมาโดยตลอด และเรียนรู้ที่จะปรับตัวเข้าสู่อนาคตที่ไร้พรมแดน จากแก่นเรื่องรวมดังกล่าวข้างต้นพิพิธภัณฑ์การเรียนรู้แห่งชาติ จึงประกอบด้วยเนื้อหาส่วนต่างๆ


5. ให้นิสิตแต่ละคนหาตัวอย่างผังโครงสร้างของศูนย์ทรัพยากรการเรียนรู้ มาคนละ 2 ผังโครงสร้าง พร้อมเขียนอธิบายดังนี้
5.1 แหล่งอ้างอิงของโครงสร้างศูนย์
5.2 โครงสร้างดังกล่าวเป็นประเภทใด เพราะเหตุใด



•ผังโครงสร้างของศูนย์ทรัพยากรการเรียนรู้ ผังที่ 1 (ศูนย์ฝึกอาชีพเฉลิมพระเกียรติสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดา ครบ 36พรรษา)

-แหล่งอ้างอิงโครงสร้างศูนย์
http://www.svtc.go.th/th/about.php

-โครงสร้างดังกล่าวเป็นโครงสร้างประเภทใด เพราะเหตุใด
แบบ Line Organization เพราะ เป็นรูปแบบการจัดครงสร้างตามงานที่รับผิดชอบในอำนาจหน้าที่กันเป็นขั้นๆ จากระดับสูงสุดไปจนกระทั่งต่ำสุด




•ผังโครงสร้างของศูนย์ทรัพยากรการเรียนรู้ ผังที่ 2 (สวนพฤกษศาสตร์)

-แหล่งอ้างอิงโครงสร้างศูนย์
http://www.qsbg.org/mainpage.asp เข้าถึง http://www.qsbg.org/Doc/chartQSBG2011.jpg

-โครงสร้างดังกล่าวเป็นโครงสร้างประเภทใด เพราะเหตุใด
แบบ Line Organization เพราะ เป็นรูปแบบการจัดครงสร้างตามงานที่รับผิดชอบในอำนาจหน้าที่กันเป็นขั้นๆ จากระดับสูงสุดไปจนกระทั่งต่ำสุด

******สามารถดาวน์โหลดเพิ่มเติมได้ที่http://www.mediafire.com/?ji9sii2rwav8ir4******

--------------------------

บันทึกกิจกรรมการเรียนสัปดาห์ที่ 4 ( กระบวนการวิเคราะห์ SWOT)

การวิเคราะห์สวอต
จากวิกิพีเดีย สารานุกรมเสรี





แผนภูมิการวิเคราะห์แบบSWOT
การวิเคราะห์สวอต (อังกฤษ: SWOT Analysis) หรือในชื่อไทยชื่ออื่นเช่น การวิเคราะห์สภาพแวดล้อมและศักยภาพ หรือ การวิเคราะห์สภาวะแวดล้อม เป็นเครื่องมือในการประเมินสถานการณ์ สำหรับองค์กร หรือโครงการ ซึ่งช่วยผู้บริหารกำหนดจุดแข็งและจุดอ่อนจากสภาพแวดล้อมภายใน โอกาสและอุปสรรคจากสภาพแวดล้อมภายนอก ตลอดจนผลกระทบที่มีศักยภาพจากปัจจัยเหล่านี้ต่อการทำงานขององค์กร
เทคนิคนี้ อัลเบิร์ต ฮัมฟรี (Albert Humphrey) ได้ชื่อว่าเป็นผู้เริ่มแนวคิดนี้โดยนำเทคนิคนี้มาแสดงในงานสัมมนาที่มหาวิทยาลัยสแตนฟอร์ด




ความหมาย SWOT
คำว่า "สวอต" หรือ "SWOT" นั้นมาจากตัวย่อภาษาอังกฤษ 4 ตัว ได้แก่

S มาจาก Strengths หมายถึง จุดเด่นหรือจุดแข็ง ซึ่งเป็นผลมาจากปัจจัยภายใน เป็นข้อดีที่เกิดจากสภาพแวดล้อมภายในบริษัท เช่น จุดแข็งด้านส่วนประสม จุดแข็งด้านการเงิน จุดแข็งด้านการผลิต จุดแข็งด้านทรัพยากรบุคคล บริษัทจะต้องใช้ประโยชน์จากจุดแข็งในการกำหนดกลยุทธ์การตลาด

W มาจาก Weaknesses หมายถึง จุดด้อยหรือจุดอ่อน ซึ่งเป็นผลมาจากปัจจัยภายใน เป็นปัญหาหรือข้อบกพร่องที่เกิดจากสภาพแวดล้อมภายในต่างๆ ของบริษัท ซึ่งบริษัทจะต้องหาวิธีในการแก้ปัญหานั้น

O มาจาก Opportunities หมายถึง โอกาส ซึ่งเกิดจากปัจจัยภายนอก เป็นผลจากการที่สภาพแวดล้อมภายนอกของบริษัทเอื้อประโยชน์หรือส่งเสริมการดำเนินงานขององค์กร โอกาสแตกต่างจากจุดแข็งตรงที่โอกาสนั้นเป็นผลมาจากสภาพแวดล้อมภายนอก แต่จุดแข็งนั้นเป็นผลมาจากสภาพแวดล้อมภายใน นักการตลาดที่ดีจะต้องเสาะแสวงหาโอกาสอยู่เสมอ และใช้ประโยชน์จากโอกาสนั้น

T มาจาก Threats หมายถึง อุปสรรค ซึ่งเกิดจากปัจจัยภายนอก เป็นข้อจำกัดที่เกิดจากสภาพแวดล้อมภายนอก ซึ่งธุรกิจจำเป็นต้องปรับกลยุทธ์การตลาดให้สอดคล้องและพยายามขจัดอุปสรรคต่างๆ ที่เกิดขึ้นให้ได้จริง




อ้างอิง

Armstrong.M Management Processes and Functions, 1996, London CIPD ISBN 0-85292-438-0

บันทึกกิจกรรมการเรียนสัปดาห์ที่ 3 (ศูนย์ทรัพยากรการเรียนรู้:สำนักหอสมุด มหาวิทยาลัยบูรพา)


การจัดการศูนย์ทรัพยากรการเรียนรู้:สำนักหอสมุด มหาวิทยาลัยบูรพา
ศูนย์การจัดการทรัพยากรการเรียนรู้ หอสมุดมหาวิทยาลัยบูรพา ชั้น 1
การจัดการวางฝ่ายงานที่รับผิดชอบจะแบ่งออกเป็น 3 ฝ่ายดังนี้
1.ฝ่ายวิเคราะห์/พัฒนาทรัพยากร สารสนเทศ
2. ฝ่ายซ่อมบำรุง/ซ่อมบำรุงหนังสือเก่า
3. ฝ่ายเทคโนโลยีสารสนเทศ

บุคลากรที่รับผิดชอบฝ่ายพัฒนาทรัพยากรสารสนเทศ
มีจำนวนทั้งหมด 10 คน โดยมีนางวันทนา กิติศรีวรพันธุ์ เป็นหัวหน้าฝ่ายพัฒนาทรัพยากรสารสนเทศ

บุคลากรที่รับผิดชอบฝ่ายวิเคราะห์ทรัพยากรสารสนเทศ
มีจำนวนทั้งหมด 11 คน โดยมีนางรัศมี ปานดิษฐ์ เป็นหัวหน้าฝ่ายพัฒนาทรัพยากรสารสนเทศ

บุคลากรที่รับผิดชอบฝ่ายเทคโนโลยีสารสนเทศ
มีจำนวนทั้งหมด 4 คน โดยมีนายเฉลิมเกียรติ ดีสม เป็นหัวหน้าฝ่ายเทคโนโลยีสารสนเทศ

ฝ่ายเทคโนโลยีสารสนเทศ
การบริการฝ่ายเทคโนโลยีสารสนเทศ จะทำการรวบรวมหมวดหนังสือ ทำการ Scan หนังสือแต่ละเล่มเพื่อทำการ download ผ่านทางระบบ internet ฝ่ายเทคโนโลยีสารสนเทศทำหน้าที่ดูแลรับผิดชอบงานให้บริการเทคโนโลยีสารสนเทศแก่ฝ่ายต่าง ๆ ดูแลระบบเครือข่าย จัดการฐานข้อมูล ตลอดจนแก้ไขปัญหาต่าง ๆ ที่เกิดจากเครื่องคอมพิวเตอร์ อุปกรณ์โปรแกรมและเครือข่าย เพื่อให้ฝ่ายต่าง ๆ สามารถใช้เทคโนโลยีในการดำเนินงานและให้บริการได้อย่างมีประสิทธิภาพ รวมทั้งการฝึกอบรมเพื่อส่งเสริมการใช้เทคโนโลยีสารสนเทศแก่ผู้ปฏิบัติงาน ให้สามารถใช้เทคโนโลยีสารสนเทศ ได้อย่างมีประสิทธิภาพ

ฝ่ายวิเคราะห์ทรัพยากรสารสนเทศ
การบริการฝ่ายวิเคราะห์จะจัดทำหมวดหมู่หนังสือและเลขเรียกหนังสือ จากนั้นนำไปติดกับหนังสือโดยใช้สติกเกอร์และวิเคราะห์ข้อมูลภายในหนังสือ จากฝ่ายจัดหาทรัพยากรทรัพยากรสารสนเทศจะส่งมาฝ่ายวิเคราะห์ทรัพยากรสารสนเทศ การจัดหมวดหมู่มาจัดที่นี่ เอาข้อมูลมาลงฐานข้อมูล ฝ่ายลงรายละเอียดบรรณานุกรม ลงหัวเรื่อง ทำหมวดหมู่และสันหนังสือ หลังจากที่บันทึกข้อมูลเรียบร้อยแล้วก็จะมาทำสัน เลขเรียกหนังสือที่บรรณารักษ์ส่งมาจะปริ้นใส่กระดาษมาติด เรียบร้อยแล้วจัดทำรายการส่งขึ้นไปฐานข้อมูล ที่เราสามารถไปสืบค้นได้ ใน WEB OPAC

ฝ่ายซ่อมบำรุง
ส่วนงานของฝ่ายซ่อมบำรุงนั้นทำหน้าที่เสริมหนังสือให้มีความหนาเพื่อให้แข็งแรงและง่ายต่อการจัดวาง และประทับตราหนังสือทุกเล่ม ซึ่งการเสริมปกหนังสือนั้นเกิดขึ้นมาจากปัญหาการวางหนังสือในชั้นวาง โดยเมื่อก่อนไม่มีการเสริมปกทำให้เวลาดึงหนังสือออกจากชั้นอาจเกิดการล้มหรือเอียงได้ ทำให้เกิดการเสริมความแข็งแรงของปกมากขึ้น

ข้อดีของการเสริมปกหนังสือ
1. ทำให้หนังสือไม่ฉีกขาดง่าย คงทนแข็งแรง
2. ต้นทุนน้อยเพราะมีค่าใช้จ่ายไม่ถึงสามบาท
3. ทำให้เวลาเก็บหนังสือไว้บนชั้นแล้วจะไม่ล้มง่าย ๆ

ห้องซ่อมบำรุงหนังสือเก่า
จะทำหน้าที่ซ่อมแซมบำรุงหนังสือเก่าให้มีความแข็งแรงมากยิ่งขึ้น จะมีการเข้าเล่มหนังสือที่ชำรุด มีขั้นตอนและกระบวนการอย่างเป็นระบบ โดยการเข้าเล่มแบบปกแข็งแต่ตัวเนื้อหาหนังสือยังคงเดิม หนังสือที่ทำเสร็จแล้วของห้องนี้จะมีความแข็งแรงกว่าห้องแรก เวลาที่มีการส่งมาซ่อมบำรุงจะมาโดยมัดรวมกันมา แต่ถ้าเกิดมีความต้องการใช้หนังสือด่วนทางฝ่ายซ่อมบำรุงหนังสือเก่าจะทำการซ่อมให้ทันที ซึ่งใช้เวลาในการดำเนินการประมาณ 1 ชั่วโมง แต่หากด่วนมากจริง ๆ ก็สามารถซ่อมได้ภายในครึ่งชั่วโมง โดยผู้ใช้บริการสามารถนำไปใช้ได้เลย หนังสือที่ส่งมาขั้นแรกจะทำการแยกทำความสะอาดหนังสือเพื่อเตรียมให้พร้อมสำหรับขั้นตอนต่อไป โดยจัดเป็นชุดเป็นรายการ เพื่อรู้ว่าหนังสือมาจากชุดที่เท่าไหร่และจะไม่เกิดปัญหาตอนรวมภายหลัง ขั้นต่อมาจะมีการเตรียมปก กระดาษหุ้มปก และเตรียมไว้เป็นชุด ๆ เพื่อให้คนต่อไปสามารถเข้าเล่มได้เลย ส่วนขั้นตอนสุดท้ายจะเป็นการทำหน้าปก ทำบาร์โค้ด สำหรับหน้าปกที่ต้องพิมพ์ใหม่ และเช็คจำนวน ในหนึ่งวันจะสามารถทำการซ่อมบำรุงได้ประมาณ 12 เล่มหรือมากกว่านั้น

โครงการอนุรักษ์ใบลานและสมุดข่อย
เป็นโครงการอนุรักษ์ใบลานและสมุดข่ายจากวัดชื่อดังต่าง ๆ ซึ่งสมุดข่อยที่ได้มานั้นมักมาจากตามวัดเก่าแก่ มีอายุมากกว่า 100 ปี โดยเมื่อก่อนจะมีการจัดทำพิธีโดยการเชิญพระจากวัดต่าง ๆ มาเข้าร่วมในช่วงงานสัปดาห์ห้องสมุด วิธีการซ่อมแซมและดูแลรักษา มีการคือการใช้กาวและกระดาษสาในการซ่อมแซม และในส่วนของการดูแลรักษาจะมีการใช้ยาฆ่าแมลงและน้ำมันตระไคร้

ปัญหาและอุปสรรคในการจัดการให้บริการ
1. หนังสือจะเข้ามาเป็นจำนวนมากทั้งหนังสือใหม่และหนังสือที่ต้องซ่อมแซม ซึ่งบางครั้งจะทำให้งานล่าช้า แต่ในการจัดทำ แต่ละฝ่ายจะมีการจัดการแผนงาน วางระบบอย่างเป็นขั้นตอนมีการแบ่งหน้าที่ในการรับผิดชอบทำให้ไม่เกิดปัญหาในการทำงานมากนัก

บันทึกกิจกรรมการเรียนสัปดาห์ที่ 2 (สำนักหอสมุดชั้น 6)

พิพิธภัณฑ์หุ่นขี้ผึ้ง แห่งนี้ เป็น พิพิธภัณฑ์ ที่จัดแสดง หุ่นขี้ผึ้ง ที่หล่อจาก ไฟเบอร์กลาส แห่งแรกของประเทศไทย เกิดจากแรงดลใจของ ผู้สร้างสรรค์กลุ่มหนึ่ง ซึ่งนำโดย อ.ดวงแก้ว พิทยากรศิลป์ มีวัตถุประสงค์ ในอันที่จะส่งเสริม เผยแพร่ อนุรักษ์ไว้ซึ่ง ศิลปวัฒนธรรม ประเพณีของไทย อันจะเป็นประโยชน์ ในการศึกษาค้นคว้าของเยาวชนสืบไปการจัดแสดงจะจัดหุ่นไว้เป็นชุด ๆ อาทิเช่น ชุดพระบรมรูปอดีตพระมหากษัตริย์ราชวงศ์จักรี ชุดพระอริยสงฆ์ ชุดสมเด็จพระปิยมหาราชกับการเลิกทาส ฯลฯ หุ่นแต่ละรูปนั้นจะมีลักษณะเหมือนคนจริง ๆ ไม่ว่าจะเป็นผิว ดวงตา แขน เส้นผม

โซนแรกคือห้องจัดแสดงพระอริยสงฆ์ ซึ่งได้แก่ พระครูภาวนารังษี, พระธรรมญาณมุนี, พระโพธิญาณเถร, ครูบาชัยวงศาพัฒนา, หลวงจีนคณาณัติจีนพรต, พระมงคลเทพมุนี, พระราชสังวราภิมณฑ์, พระสุพรหมยานเถร, พระนิโรธรังสีคัมภีร์ปัญญาจารย์, หลวงพ่อเกษม, สมเด็จพระพุฒาจารย์, พระครูวิมลคุณากร, พระราชมุนีสามีรามคุณูปมาจารย์, พระอาจารย์มั่น, ครูบาศรีวิชัย ปั้นได้เหมือนจริงมาก


ห้องแสดงต่อไปซึ่งถือเป็นไฮไลด์ของที่นี่ ห้องจัดแสดงพระบรมรูปอดีตพระมหากษัตริย์พระบรมราชจักรีวงค์ รัชกาลที่ 1 ถึงรัชกาลที่ 8 ล่ะ ห้องจัดแสดงต่อไป เป็นห้องจัดแสดงพระบรมรูปสมเด็จพระศรีนครินทราบรมราช ชนนี สมเด็จย่าแม่ฟ้าหลวงของปวงชนชาวไทยนั่นเอง ภายในห้องนี้ประกอบไปด้วยประราชประวัติและ พระกรณียกิจต่างๆ และภาพงานพระราชพิธีสุดท้าย



ห้องจัดแสดงต่อไป เป็นห้องหุ่นชุดครอบครัวไทย เป็นห้องแสดงสุดท้ายสำหรับห้องจัดแสดงชั้นล่าง ซึ่งเดินไป เดินมาจะมาออกที่ ด้านหน้าทางเข้า พวกเราก็เดินขึ้นชั้นสองกันต่อ ซึ่งห้องจัดแสดงชั้นบนแรกสุดจะเป็นการ จัดแสดงชุด 3 ครูไทยได้แก่ ครูจวงจันทร์ จันทร์คณา (บรมครูพรานบูรพ์) ครูเอื้อ สุนทรสนาน ครูไพบูลย์


เดินเข้าไปตามทางเดินเรื่อยๆ ห้องแสดงหุ่นชุดต่อไปคือ ชุด 3 บุคคลสำคัญของโลก ซึ่งได้แก่ มหาตมา คานธี, อับราฮัม ลินคอล์น, เซอร์ วินสตัน เชอรชิล เป็นต้น คานธีเป็นนักการเมืองที่ได้ต่อสู้เพื่ออิสรภาพของประเทศ จากการปกครองของอังกฤษทำให้โลก ต้องจดจำคานธี ผู้ซึ่งได้รับการขนานนามว่า "มหาตมา" แปลว่า ผู้มีจิตใจ สูงส่ง เป็นบิดาแห่งประชาชนชาติอินเดีย อับราฮัม ลินคอล์น ผู้ปลดปล่อยทาสของสหรัฐอเมริกา "รัฐบาลของ ประชาชนโดย "เซอร์ วินสตัน เชอร์ชิล เป็นวีรบุรุษ ผู้ยิ่งใหญ่ของอังกฤษ ซึ่งทั้งสามท่านมีบทบาททางด้านการเมืองในแต่ละประเทศ โดยส่วนตัวแล้ว เราเองเป็น คนที่ไม่ค่อยมีความรู้


ห้องจัดแสดงชุดต่อไปเป็นชุดวัฒนธรรมประเพณีไทย เรื่องการละเล่นของไทย ได้แก่ การเล่นรีรีข้าวสาร การเล่น แมงมุม การเล่นจ้ำจี้ การเล่นขี่ม้าช้างชนกัน และการเล่นหัวล้านชนกันห้องต่อไปที่ดูเหมือนจะได้รับความสนใจ จากเด็กๆ ก็เห็นจะเป็นชุดวรรณคดีไทย เรื่อง พระอภัยมณีของสุนทรภู่นี่ล่ะ ห้องนี้เหมือนห้องรวมดาววรรณคดี สุนทรภู่เลยล่ะสุนทรภู่กวีเอกของโลก มีชื่อเสียงในด้านสำนวนกลอนเป็นที่เลืองลือจนได้รับการยกย่องว่าเป็น บรมครูกลอนแปด และได้รับการยอมรับนับถือว่าเป็นกวีที่มีจินตนาการกว้างไกล สร้างโครงเรื่องและเนื้อหา ของ นิทานได้น่าสนใจ และชวนติดตามสุนทรภู่ได้รับประกาศเกียรติคุณให้เป็นกวีของโลก จากองค์การศึกษา วิทยาศาสตร์และวัฒนธรรม

ห้องจัดแสดงชุดสุดท้ายที่ดูเหมือนจะเป็นโซนไฮไลด์ของชั้นบนก็คงจะเป็นชุดเลิกทาส "Slavery in Thailand" ทาสในเรือนเบี้ย